หอบกระเป๋าไปสุวรรณภูมิ Check in และไปหาของกินที่ King Power lounge ดู review ได้ที่
เมื่อถึงเวลาที่ Gate เปิด (ดูเวลาได้ที่ตั๋ว หรือจอที่อยู่ใน สนามบินจะแสดงสถานะของเที่ยวบินนั้น)
จากนั้นก็ยื่นตั๋วและ Passport แล้วก็นั่งรอ ที่จุดนี้จะมีห้องน้ำ และจุดเติมน้ำดื่ม
ถ้าใครเดินทางแบบ Low cost ไม่มีน้ำแจก ก็ให้พกขวดเปล่าติดตัว แล้วมาเติมน้ำที่จุดนี้ได้นะ
จาก BKK สู่ KUL จะเป็นเครื่องบินขนาดมีที่นั่ง 3-3 บางเที่ยวก็จะมีจอทีวีส่วนตัว บางเที่ยวก็ไม่มี
Page สามเฒ่าพาเที่ยว ก็เริ่มจาก Hok-To trip นี่ไง
......ถ้าบินช่วงค่ำ เมื่อผ่านอ่าวไทยก็เจอกับภาพในอ่าวไทยประดับประดาด้วยดวงไฟสีเขียวอย่างมากมาย…..
อันที่จริงมันก็คือเรือประมง เชื่อไหมภาพข่าวนี้เคยมีคนไปบอกว่าเป็นเอเลี่ยนในเมืองไทย
สำหรับเที่ยวบินนี้ จะได้ข้าวกล่องเล็กๆและน้ำต่างๆ ที่แจกให้ดื่ม เหมือนสายการบินอื่นๆ
(ถั่วลิสง ตอนที่บินเมษา 2560 ไม่แจก..เลยถาม..เขาบอกว่ามีคนแพ้ไม่แจก แต่ตอนออกจากเครื่องมีวางที่ทางออก หยิบได้เลย)
เมื่อมาถึงKUL ก็ต้องนั่งรถไฟ ไปที่ gate ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ดูตัวอย่างที่บิน BKK-KUL ได้จาก Clip นี้
ซึ่งจะมีสวนสัตว์ในสนามบินด้วยละหากมีเวลาว่างเข้าไปดูกันได้เลยนะคะ (ใน Clip ช่วงนาที่ 1.20)
ก่อนที่จะเข้า Gate เพื่อบินต่อไปที่จุดหมายปลายทาง ต้องตรวจสัมภาระ เพื่อความปลอดภัยอีกครั้ง ก่อนขึ้นเครื่องอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นพกของเหลวไม่ได้ อย่างตอนขากลับจากโตเกียว Auntie Molly ขอเบียร Asahi จากแอร์ กะไปให้คนที่บ้านชิม เมื่อมา transit ที่นี้ ต้องเททิ้งเลย
เครื่องบินขึ้นเรียกร้อย ....พนักงานก็แจก Sandwich ยักษ์...
แล้วก็ปิดไฟให้นอน พอใกล้ถึงก็แจก อาหารให้...
ค่าประกันภัยการเดินทาง = 1,183฿
ค่า rocket wifi 13 วัน = 1,300฿
ค่าตั๋วเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์@13,500 = 40,500฿